2. เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวมรวมข้อมูลของการวิจัยครั้งนี้
เป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเอง
โดยมีอาจารย์ที่ปรึกษาตรวจสอบความถูกต้องตามเนื้อหา
แล้วนำไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความตรงด้านเนื้อหาและความตรงเชิงโครงสร้างของข้อคำถาม
นำแบบสอบถามไปหาค่าความเชื่อมั่น โดยนำไปทดสอบกับกลุ่มตัวอย่างที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน
จำนวน 30 คน แล้วนำมาวิเคราะห์ โดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์
เอลฟา (µ–Coefficient) ตามวิธีของครอนบาค (Cronbach) ได้ค่าความเชื่อมั่น 0.96
3. การเก็บรวบรวมข้อมูล
ผู้วิจัยได้ติดต่อประสานงานกับผู้นำหมู่บ้าน
เพื่อขออนุญาตเก็บข้อมูลและนัดหมายวันเวลาที่จะเข้าเก็บรวบรวมข้อมูล
และไปพบกับกลุ่มตัวอย่าง เพื่อชี้แจงวัตถุประสงค์ของการวิจัยด้วยตนเอง
อธิบายชี้แจงวิธีการตอบแบบสอบถามจนเป็นที่เข้าใจตรงกัน
แล้วขอความร่วมมือให้ตอบแบบสอบถามตามความเป็นจริง ซึ่งในการเก็บรวบรวมข้อมูลจะกระทำ
ด้วยวิธีการดังกล่าวข้างต้น ไปจนครบ 397 คน
แล้วนำแบบสอบถามที่ตอบแล้วมาใช้เป็นข้อมูลเพื่อวิเคราะห์ผลการวิจัยต่อไป
4. การวิเคราะห์ข้อมูล
ในการศึกษาวิจัยในครั้งนี้ ผู้วิจัยได้นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์คุณลักษณะทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม
โดยการแจกแจงความถี่ (Frequency) และค่าร้อยละ
(Percentage)
เสนอข้อมูลเป็นตาราง วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่น ขององค์การบริหารส่วนตำบล ในเขตอำเภอหนองหาน
จังหวัดอุดรธานี โดยการหาค่าเฉลี่ย () และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard
Deviation: S.D.) ทดสอบสมมุติฐานเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่น จำแนกตามเพศ โดยการทดสอบค่าทีแบบอิสระ (t-test
for Independent Samples) และเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่น จำแนกตามอายุ การศึกษา อาชีพ และรายได้ โดยการวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว
(One–way Analysis of Variance หรือ One–way ANOVA)
และเมื่อพบความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
จะทำการทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่ (Multiple Comparison) โดยวิธีการทดสอบของเชฟเฟ่ (Scheffe’s Method) โดยกำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติที่
0.05
No comments:
Post a Comment